วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568

มีหนี้อยู่ ลงทุนได้ไหม?


EP.6: มีหนี้อยู่ ลงทุนได้ไหม?

คำถามยอดฮิตของมนุษย์เงินเดือนยุคนี้ คือ… “ยังมีหนี้อยู่ จะลงทุนได้หรือเปล่า?” คำตอบก็คือ... “ได้” แต่ไม่ใช่ทุกกรณี มาลองดูกันว่า “หนี้แบบไหน” ยังลงทุนได้ และ “หนี้แบบไหน” ควรรีบเคลียร์ก่อนนะคะ

🔎 หนี้แบบไหนที่ควรปิดก่อน?

  • หนี้บัตรเครดิต: ดอกเบี้ยสูงถึง 16–25% ต่อปี! ต้องรีบจัดการก่อนทุกการลงทุน
  • หนี้นอกระบบ: ดอกแพง-กดดัน-เสี่ยง ควรจัดการก่อนคิดเรื่องงอกเงย
  • หนี้ที่คุณต้องหมุนเงินตลอดเวลา: เช่น จ่ายหนี้ A ด้วยเงินจากหนี้ B

💡 หนี้ที่ “อาจ” ลงทุนได้ ถ้าจัดการดี

  • หนี้บ้าน: ถ้าผ่อนปกติ ไม่มีเบี้ยว และยังมีเงินเหลือเก็บ
  • หนี้รถ: ถ้าไม่เกิน 30–40% ของรายได้ต่อเดือน และไม่ขาดสภาพคล่อง
  • หนี้ กยศ./ดอกต่ำ: ดอกเบี้ยน้อย มีแผนผ่อนต่อเนื่องแบบไม่สะดุด
💬 “อย่าลงทุนเพื่อหวังจะเอากำไรมาโปะหนี้” เพราะถ้าไม่เป็นไปตามแผน หนี้อาจหนักกว่าเดิมนะคะ

🧮 สูตรจัดสรรเงิน: เคลียร์หนี้ + เริ่มลงทุน

ถ้าอยากทั้งเคลียร์หนี้ และเริ่มลงทุนพร้อมกัน ลองสูตรนี้ดู:

  • 60% ของเงินเก็บ → ไปเคลียร์หนี้
  • 30% ของเงินเก็บ → เริ่มลงทุนเบา ๆ เช่น ทอง หรือกองทุนความเสี่ยงต่ำ
  • 10% เก็บเป็นเงินสดสำรอง

💡 หรือถ้าหนี้ยังใหญ่ → ลงทุนใน “ความรู้” แทนก็ยังคุ้ม เช่น เรียนรู้การออม, วางแผนการเงิน, จัดการรายรับรายจ่าย

🎯 สรุป: ลงทุนได้ไหม ถ้ายังมีหนี้?

  • ถ้าหนี้ดอกเบี้ยสูง = เคลียร์ก่อน
  • ถ้าหนี้ดอกต่ำ ผ่อนสบาย = ลงทุนได้ในสัดส่วนที่ “ไม่เสี่ยงจนเครียด”
  • ถ้ามีหนี้เยอะ = เริ่มจาก “วินัย” ไม่ใช่ “ผลตอบแทน”

ลงทุนคือการวางอนาคต แต่หนี้คือสิ่งที่ฉุดรั้งปัจจุบัน
ถ้าเราจัดการปัจจุบันได้ดี… อนาคตก็จะเริ่มได้อย่างมั่นคงแน่นอนค่ะ 😊

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2568

รู้จักความเสี่ยงก่อนลงทุนจริง — เพราะเงินเดือนเรามีแค่เดือนละครั้ง


EP.5: รู้จักความเสี่ยงก่อนลงทุนจริง — เพราะเงินเดือนเรามีแค่เดือนละครั้ง🥹

หลายคนเริ่มต้นลงทุนจากคำว่า “อยากให้เงินงอก” แต่ถ้ายังไม่รู้จัก “ความเสี่ยง” ของการลงทุนแต่ละแบบเลย เงินอาจจะ “หด” แทนที่จะ “โต” ได้เหมือนกันนะคะ 🥲

🔎 ความเสี่ยงมีหลายแบบ รู้จักไว้ก่อนจะลงเงิน

  • เสี่ยงจากราคาขึ้นลง เช่น ทอง หุ้น กองทุนรวม
  • เสี่ยงจากสภาพคล่อง เช่น ซื้อไว้แล้วถอนคืนยาก ขายไม่ออก
  • เสี่ยงจากผู้ให้บริการ เช่น บริษัทปิดกิจการ หรือไม่มีประกันคุ้มครอง
  • เสี่ยงจากตัวเราเอง เช่น ลงเยอะเกินไป ลืมจ่ายบัตรเครดิต ฯลฯ

📊 เปรียบเทียบการลงทุนยอดฮิต VS ความเสี่ยง

ประเภท เสี่ยงมาก เสี่ยงน้อย
หุ้นเดี่ยว
กองทุนรวม บางประเภท ✅ (พวกตลาดเงิน)
ทองคำ (จริง/ดิจิทัล) ✅ (ราคาผันผวน) ✅ (ถ้าระยะยาว)
สลากออมสิน
ฝากประจำ/บัญชีดอกเบี้ยสูง

💡 คำถามง่าย ๆ ก่อนเริ่มลงทุน

  • คุณรับได้ไหมถ้าขาดทุน 10%?
  • คุณโอเคไหมถ้าเงินนี้ต้องล็อคไว้ 3 ปี?
  • ถ้าเงินหายครึ่งนึง คุณจะกระทบการใช้ชีวิตไหม?
  • เงินที่ใช้ลงทุน “ไม่ใช่เงินกินอยู่ใช่ไหม?”
💬 ผู้เขียนเองเคยลงทุนแบบไม่รู้ความเสี่ยงมาแล้ว สุดท้ายต้องถอยออกมานั่งถอนหายใจ พอรู้จักความเสี่ยงชัดเจน ก็รู้เลยว่า "เราเหมาะกับแบบไหน"

ความเสี่ยงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่มันจะน่ากลัวก็ต่อเมื่อ “เราไม่รู้ว่ากำลังเสี่ยงอยู่กับอะไร” เท่านั้นเองค่ะ

🎯 บทสรุปของตอนนี้

  • ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แม้แต่ “ไม่ลงทุน” ก็เสี่ยงเงินเฟ้อ📈
  • คุณควรรู้ว่า “ตัวเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหน” ก่อนลงทุนจริง
  • อย่าลงเงินเพราะเห็นคนอื่นทำแล้วรวย — แต่ลงเงินเพราะรู้จัก “ตัวเอง” ต่างหาก💪

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568

DCA ทองคำคืออะไร? งบน้อยก็สะสมได้


EP.4: DCA ทองคำคืออะไร? งบน้อยก็สะสมได้

ถ้าคุณเคยคิดว่า “อยากเริ่มลงทุนทองคำ แต่เงินยังไม่เยอะ” — ขอแสดงความยินดี เพราะ วิธี DCA อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังหาอยู่

📌 DCA คืออะไร?

DCA ย่อมาจาก Dollar-Cost Averaging หรือแปลตรงๆ ว่า “เฉลี่ยต้นทุนด้วยเงินที่เท่ากัน”

พูดง่ายๆ คือการ “ซื้อทองคำในจำนวนเงินเท่ากันทุกเดือน” ไม่ว่าราคาทองจะขึ้นหรือลง — เราก็ยังซื้อในจำนวนเงินเท่าเดิม

💡 ทำไม DCA ถึงเหมาะกับมนุษย์เงินเดือน?

  • ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่
  • ลดความเสี่ยงจากการซื้อทองตอนราคาสูง
  • เปลี่ยนเงินออมเล็กๆ ให้กลายเป็นทรัพย์สินในอนาคต
  • ทำเป็นนิสัยได้ง่าย คล้ายการออมประจำ

📊 ตัวอย่างการ DCA ทองคำ

สมมุติคุณลงทุนเดือนละ 500 บาท ผ่าน Gold Wallet (ซื้อเป็นสัดส่วนทองคำแท่ง) ทุกวันที่ 15 ของเดือน:

  • เดือน ม.ค. ราคาทอง 52,000 → ได้ทอง 0.0096 บาท
  • เดือน ก.พ. ราคาทอง 51,000 → ได้ทอง 0.0098 บาท
  • เดือน มี.ค. ราคาทอง 53,000 → ได้ทอง 0.0094 บาท

แม้ราคาจะขึ้นลง แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะได้ทองเฉลี่ยตามต้นทุนโดยรวม ไม่ต้องพยายาม “จับจังหวะตลาด”

💬 ทริคส่วนตัวของผู้เขียนคือ ตั้งแจ้งเตือนทุกวันที่ 15 เพื่อโอนซื้อทองทีละนิด — มองไม่เห็นทอง แต่ทองก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจริง

 

📎 ใช้กับ Gold Wallet ได้เลย

Gold Wallet ในแอปเป๋าตัง ช่วยให้คุณ DCA ได้ง่าย เพราะ:

  • ไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อ
  • สามารถเริ่มซื้อจำนวนน้อยๆ ได้
  • มีระบบรายงานยอดทองที่คุณถือไว้เสมอ
  • มีระบบตั้งรายการซื้อขายล่วงหน้าภายในวันได้แล้ว

เหมาะมากสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่อยาก “ลงทุนแบบเบาๆ” แต่มีเป้าหมายในใจ

📌 ข้อมูลอ้างอิงจาก: ประสบการณ์ผู้เขียน + ตัวอย่างการคำนวณเบื้องต้น (ไม่ได้รวมภาษีหรือค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ด)

ยกระดับงานบริการลูกค้าด้วย AI และความเข้าใจแบบมนุษย์


ยกระดับงานบริการลูกค้าด้วย AI และความเข้าใจแบบมนุษย์

ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การนำ AI (Artificial Intelligence) มาใช้ในงานบริการลูกค้าไม่ใช่แค่เรื่องของความทันสมัย แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการดูแลลูกค้าอย่างแท้จริง


🔍 ทำไมต้องผสาน AI กับความเป็นมนุษย์?

จากคอร์ส Balancing AI and the Human Touch in Customer Service โดย Noah Fleming บน LinkedIn ได้เน้นย้ำว่า AI ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่ช่วยเสริมพลังให้เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในด้าน:

  • การตอบคำถามทั่วไปอย่างรวดเร็ว
  • การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อปรับแต่งการบริการ
  • การช่วยให้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลพร้อมในการตัดสินใจ

แต่ในขณะเดียวกัน ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ และการสื่อสารอย่างจริงใจจากมนุษย์ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืนกับลูกค้า


💡 ประสบการณ์จากการสร้างแชทบอท

ฉันเคยสร้างแชทบอทที่ช่วยดึงข้อมูลจากไฟล์ภายในองค์กร เช่น FAQ หรือข้อมูลสินค้า เพื่อให้ทีมสามารถตอบคำถามลูกค้าได้เร็วขึ้น ซึ่งช่วยลดเวลาทำงานและเพิ่มความแม่นยำได้อย่างชัดเจน

เมื่อมองย้อนกลับไป การเสริมพลังด้วย AI เช่น การวิเคราะห์คำถามซ้ำ ๆ หรือการแนะนำคำตอบอัตโนมัติ จะช่วยให้แชทบอทนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถผสานเข้ากับการบริการลูกค้าได้อย่างลงตัว


🔄 ตัวอย่าง Flow การผสาน AI กับมนุษย์


  1. ลูกค้าเริ่มแชท → แชทบอท AI ตอบคำถามทั่วไป (FAQ, สถานะคำสั่งซื้อ ฯลฯ) 
  2. → หากคำถามซับซ้อน → ส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ 
  3. → เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลเบื้องต้นจาก AI (ประวัติลูกค้า, ปัญหาที่แจ้งไว้) 
  4. → เจ้าหน้าที่ให้คำตอบที่มีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ 
  5. → ระบบเก็บ feedback เพื่อนำไปปรับปรุง AI ต่อไป

📚 เรียนรู้เพิ่มเติม

หากคุณสนใจแนวคิดนี้และต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในงานบริการลูกค้า พร้อมแนวทางการผสานกับทักษะมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเข้าเรียนคอร์สเต็มได้ที่:

👉 LinkedIn Learning
Balancing AI and the Human Touch in Customer Service
By: Noah Fleming



Read More อ่านบทความอื่นๆ 💼 >> ไปที่หน้ารวมบทความ


#มนุษย์เงินเดือน #พนักงานบริษัท #องค์กร #ชีวิตการทำงาน

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568

ทองคำแท่ง VS ทองรูปพรรณ – แบบไหนเหมาะกับคนเริ่มต้น?

EP.3: ทองคำแท่ง VS ทองรูปพรรณ – แบบไหนเหมาะกับคนเริ่มต้น?

เมื่อพูดถึงการลงทุนทองคำ คำถามยอดฮิตข้อแรกของใครหลายคนคือ…

"จะซื้อทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณ แบบไหนดีกว่ากัน?"

ความจริงแล้ว ทั้งสองแบบมีข้อดีต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของคุณว่าอยาก “เก็บเพื่อลงทุน” หรือ “ซื้อไว้เผื่อใส่/ขายได้ในอนาคต”

🔍 เปรียบเทียบทองคำแท่ง vs ทองรูปพรรณ

หัวข้อ ทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ
ค่ากำเหน็จ ไม่มี หรือมีน้อยมาก มีค่ากำเหน็จ ~400–1,000+ บาท
ราคาขายคืน ได้ราคาสูงกว่ารูปพรรณ มักโดนหักเพิ่มตอนขายคืน
เหมาะกับ นักลงทุนระยะกลาง–ยาว ผู้ที่อยากใส่เป็นเครื่องประดับด้วย
ขนาดเริ่มต้น มักเริ่มที่ 0.1 บาท, 1 บาท เริ่มได้ตั้งแต่ 1 สลึง (0.25 บาท)
ความสะดวกในการซื้อ ซื้อผ่าน Gold Wallet ได้ทันที ต้องไปที่ร้านทอง หรือสั่งทำ

🎯 แล้วมือใหม่ควรเลือกแบบไหนดี?

ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการลงทุนทองคำแบบเก็บยาว หวังผลตอบแทนจากราคาทองในอนาคต ทองคำแท่ง มักจะตอบโจทย์กว่า เพราะไม่เสียค่ากำเหน็จและขายคืนได้ราคาดีกว่า

แต่ถ้าคุณอยากใส่ทองด้วย ลงทุนไปด้วย หรืออยากให้ทองเป็นของขวัญแบบมีคุณค่า ทองรูปพรรณ ก็ไม่ผิดค่ะ แค่ต้องเข้าใจว่าราคาขายคืนจะน้อยกว่าทุน

💬 ผู้เขียนเองก็เริ่มจากทองคำแท่ง 1 บาทใน Gold Wallet — ไม่มีทองให้เห็น แต่มีทองให้ขาย!

📌 อ้างอิงข้อมูลจาก: สมาคมค้าทองคำ, ร้านทองทั่วไป และประสบการณ์ตรงของผู้เขียน

📚 ย้อนดูทุกตอนในซีรีส์นี้

รวมลิงก์ทุกบทความในชุด “มนุษย์เงินเดือนอยากเริ่มลงทุน” ไว้ที่เดียว

👉 เปิดดูซีรีส์ทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568

เปิดบัญชี USD กับกรุงไทยยังไง? มือใหม่เริ่มต้นได้ใน 10 นาที e-FCD special account

EP.2: เปิดบัญชี USD กับกรุงไทยยังไง? มือใหม่เริ่มต้นได้ใน 10 นาที

ถ้าคุณอ่านบทความ EP.1 แล้วกำลังสนใจลงทุนทองผ่าน Gold Wallet ในแอปเป๋าตัง สิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณลงทุนได้อย่างคุ้มค่าคือการมี บัญชีเงินฝากสกุล USD ของธนาคารกรุงไทย

ทำไมต้องบัญชี USD? เพราะเงินที่อยู่ในบัญชีนี้ จะได้รับดอกเบี้ยสูงถึง 2.5% ต่อปี* แม้คุณจะยังไม่ใช้เงินซื้อทองเลยก็ตาม! เหมาะมากสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่อยาก “รอจังหวะ” ก่อนลงทุน

📌 วิธีเปิดบัญชี USD กับธนาคารกรุงไทย

  1. ดาวน์โหลดแอป Krungthai NEXT และล็อกอินให้เรียบร้อย
  2. ไปที่เมนู บัญชีเงินฝาก → เลือก เปิดบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ
  3. เลือกสกุลเงิน: USD
  4. ตรวจสอบข้อมูลบัญชี → กดยอมรับข้อตกลง → ยืนยัน
  5. ระบบจะสร้างบัญชี เงินฝาก USD ให้คุณภายในไม่กี่นาที

🔗 ข้อควรรู้ก่อนเปิดบัญชี

  • ชื่อบัญชีต้องตรงกับชื่อในบัตรประชาชน
  • การโอนเข้า/ออกอาจมีค่าธรรมเนียมจากอัตราแลกเปลี่ยน
  • ควรตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขโปรโมชั่นกับธนาคารอีกครั้ง
  • บัญชีนี้สามารถใช้ร่วมกับ Gold Wallet ในแอปเป๋าตังได้ทันที
💬 บัญชี USD ของกรุงไทย ไม่ใช่แค่ไว้ใช้ซื้อทอง — แต่ยังเก็บเงินสกุลดอลลาร์ได้แบบปลอดภัย และได้รับดอกเบี้ยระหว่างรอจังหวะลงทุน 

📎 ลิงก์และข้อมูลเพิ่มเติม

👉 Gold Wallet & บัญชี USD กรุงไทย (ข้อมูลทางการ)
👉 บัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ กรุงไทย

*อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจากข้อมูล ณ เวลาที่เขียนบทความ — อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นของธนาคาร กรุณาตรวจสอบอีกครั้งก่อนเปิดบัญชี

📚 ย้อนดูทุกตอนในซีรีส์นี้

รวมลิงก์ทุกบทความในชุด “มนุษย์เงินเดือนอยากเริ่มลงทุน” ไว้ที่เดียว

👉 เปิดดูซีรีส์ทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568

ลงทุนทองคำแบบงบน้อย ก็เริ่มได้ง่าย ๆ ผ่านแอปเป๋าตัง Gold Wallet paotang

ดูคู่มือเต็มๆ 👉การซื้อขายทอง

ลงทุนทองคำแบบงบน้อย ก็เริ่มได้ง่าย ๆ ผ่านแอปเป๋าตัง

สำหรับใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนและสนใจลงทุนทองคำ แต่ยังไม่มีเงินก้อนใหญ่ — คุณสามารถเริ่มต้นได้จริง โดยไม่ต้องรอให้พร้อม 100% ด้วยการใช้บริการ Gold Wallet ผ่านแอป เป๋าตัง ที่เชื่อมต่อกับร้านทองที่เชื่อถือได้ และสามารถใช้บัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ (USD) ของ ธนาคารกรุงไทย ได้อีกด้วย

💛 ข้อดีของการลงทุนผ่าน Gold Wallet

  • เริ่มซื้อขายทองคำออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องถือทองจริง
  • อ้างอิงราคาตลาดโลกแบบเรียลไทม์
  • สามารถซื้อสะสมทีละน้อยตามงบที่มี
  • ปลอดภัย เชื่อถือได้ เพราะเชื่อมตรงกับร้านทองในระบบที่ได้รับการรับรอง

💰 ใช้บัญชี USD ของกรุงไทย ดอกเบี้ยสูงถึง 2.5% ต่อปี

สำหรับคนที่ยังไม่อยากซื้อทองทันที สามารถถือเงินไว้ในบัญชี เงินฝากสกุล USD ของธนาคารกรุงไทยเงินฝากสกุล USD ของธนาคารกรุงไทย เพื่อรอโอกาสการลงทุน โดยบัญชีนี้ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 2.5% ต่อปี*

กล่าวคือ… แม้คุณจะยังไม่ซื้อทองในวันนี้ เงินที่ถืออยู่ก็สามารถ “งอก” ได้ทุกวันจากดอกเบี้ย

💬 ผู้เขียนก็ลงทุนด้วยวิธีนี้เช่นกัน — ถือเงิน USD รอจังหวะที่ราคาทองเหมาะ แล้วค่อยซื้อผ่าน Gold Wallet
สะดวก ใช้งานง่าย และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมซ่อนเร้นใด ๆ

*อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจากข้อมูล ณ เวลาที่เขียนบทความ — โปรดตรวจสอบกับธนาคารกรุงไทยอีกครั้งเพื่อความถูกต้องล่าสุด
👉 ข้อมูลเพิ่มเติม: Gold Wallet บนแอปเป๋าตัง — ธนาคารกรุงไทย

📚 ดูทุกตอนในซีรีส์นี้

รวมลิงก์ทุกบทความในชุด “มนุษย์เงินเดือนอยากเริ่มลงทุน” ไว้ที่เดียว

👉 เปิดดูซีรีส์ทั้งหมด

เข้าใจ EQ: ทักษะเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนการทำงานให้มีความหมายมากขึ้น


ในช่วงหลายปีที่ทำงานด้านบริการลูกค้า ฉันได้เรียนรู้ว่า “ความสามารถในการเข้าใจอารมณ์” ไม่ใช่แค่เรื่องของความใจดีหรือการพูดสุภาพ แต่มันคือทักษะที่เรียกว่า ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence หรือ EQ) ซึ่งส่งผลต่อการทำงานอย่างลึกซึ้งกว่าที่คิด 🧠 

💡EQ คืออะไร? 

EQ คือความสามารถในการ: 

  • เข้าใจอารมณ์ของตัวเอง 
  • ควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์ต่าง ๆ 
  • เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น 
  • สื่อสารอย่างมีความเห็นอกเห็นใจ 
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทีมและกับลูกค้า 


📌 ตัวอย่างจากประสบการณ์จริง มีครั้งหนึ่งที่ลูกค้ารายหนึ่งโทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เพราะสินค้ามาถึงช้า แทนที่จะตอบกลับด้วยความเครียด ฉันเลือกที่จะ “ฟัง” อย่างตั้งใจ และพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบว่า 


“ขอโทษจริง ๆ ค่ะที่คุณต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ 

เดี๋ยวฉันจะช่วยตรวจสอบให้ทันทีนะคะ” 


ผลลัพธ์คือ ลูกค้าคลายความกังวลลง และสุดท้ายก็ขอบคุณที่ฉันดูแลอย่างใส่ใจ ตอนนั้นเองที่ฉันรู้ว่า EQ ไม่ใช่แค่เรื่องของการพูดดี แต่คือการ “เข้าใจ” และ “ตอบสนอง” อย่างเหมาะสม 


🤝 EQ กับทีมงาน 

EQ ยังช่วยให้ฉันเข้าใจทีมงานมากขึ้น บางครั้งเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานเงียบผิดปกติ ฉันจะถามเบา ๆ ว่า “โอเคไหมคะวันนี้?” คำถามง่าย ๆ แบบนี้ช่วยให้เขารู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว และเราพร้อมสนับสนุนกัน 


🌱 สรุปจากใจ 

EQ ไม่ใช่ทักษะที่เรียนรู้ได้ในวันเดียว แต่มันเติบโตจากการสังเกต ฟัง และใส่ใจ และเมื่อเราเริ่มเข้าใจอารมณ์ของตัวเองและผู้อื่นมากขึ้น การทำงานก็จะไม่ใช่แค่ “งาน” แต่เป็นพื้นที่ที่เราสร้างความหมายและความสัมพันธ์ที่ดีได้ทุกวัน 


Read More อ่านบทความอื่นๆ 💼 >> ไปที่หน้ารวมบทความ



วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2568

เมื่อฉันได้เรียนรู้เรื่อง “Decision-Making Strategies” จาก LinkedIn Learning

Stakeholders in Decisions” และ “Accepting Ambiguity” จาก LinkedIn Learning

สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน (ไหว้รอบวง) วันนี้ขอฉีกจากงานเขียนอื่นๆที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ฉีกจากชีวิตประจำวันของฉันสักเท่าไหร่ก็คือการทำงานประจำเพื่อเลี้ยงชีพนั่นเอง และในทุกๆเดือนฉันก็จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อ Reskill upskill อยู่เสมอ และในวันนี้ก็เป็นโอกาสดี อยากจะมาแชร์ประสบการณ์หลังจากที่ได้เรียนคอร์สใน LinkedIn Learning เกี่ยวกับหัวข้อ “Involving Stakeholders in Decisions” และอีกหัวข้อที่น่าสนใจมากคือ “Accepting Ambiguity” ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ กลยุทธ์การตัดสินใจ (Decision-Making Strategies) โดยตรง และสามารถนำไปใช้ได้จริงในการทำงานของเรา


🎯 Involving Stakeholders: การตัดสินใจที่ไม่ควรทำคนเดียว

สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ การตัดสินใจที่ดีไม่ใช่แค่ “เร็ว” หรือ “เด็ดขาด” แต่ต้อง มีมุมมองรอบด้าน และ ได้รับการสนับสนุนจากผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งการมีส่วนร่วมของ stakeholder ตั้งแต่ต้นจะช่วยให้เรา:

  • มองเห็น ความเสี่ยงและโอกาส ได้เร็วขึ้น
  • ได้รับ การสนับสนุน จากคนที่เกี่ยวข้อง
  • ลดปัญหา “ทำเสร็จแล้วโดนแก้ใหม่หมด” เพราะไม่ได้เข้าใจตรงกันตั้งแต่แรก

หนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยได้มากคือ RACI Matrix ที่ช่วยกำหนดบทบาทของแต่ละคนในกระบวนการตัดสินใจ เช่น ใครเป็นผู้รับผิดชอบ (R), ใครต้องรับผิดชอบสูงสุด (A), ใครให้คำปรึกษา (C), และใครควรรับรู้ (I)

ตัวอย่าง RACI Matrix: โครงการพัฒนาเว็บไซต์องค์กร 

🔍 คำอธิบายตัวย่อ RACI:

  • R (Responsible) – ผู้ที่ลงมือทำงานจริง
  • A (Accountable) – ผู้ที่ต้องรับผิดชอบสูงสุดในงานนั้น (มีเพียงคนเดียว)
  • C (Consulted) – ผู้ที่ให้คำปรึกษาหรือข้อมูล (มีการสื่อสารสองทาง)
  • I (Informed) – ผู้ที่ต้องรับรู้ความคืบหน้า (สื่อสารทางเดียว)

✅ วิธีนำไปใช้:

  1. เริ่มจากลิสต์กิจกรรมหลักของโครงการ
  2. ระบุบทบาทของแต่ละคนในแต่ละกิจกรรม
  3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแต่ละกิจกรรมมีผู้รับผิดชอบ (R) และผู้รับผิดชอบสูงสุด (A) อย่างชัดเจน
  4. ใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารและติดตามความรับผิดชอบ


🌫️ Accepting Ambiguity: เมื่อความไม่แน่นอนคือเรื่องปกติ

อีกหัวข้อที่น่าสนใจมากคือเรื่อง “Accepting Ambiguity” หรือการยอมรับความไม่แน่นอน ซึ่งในคอร์สได้แบ่งระดับของความไม่แน่นอนออกเป็น 4 แบบ:

  1. Highly Predictable – เรารู้แน่ชัดว่าอะไรจะเกิดขึ้น เช่น งานที่เคยทำซ้ำ ๆ
  2. Distinct Possibilities – มีทางเลือกไม่กี่ทางที่อาจเกิดขึ้น เช่น การวางแผนสำรอง
  3. Spectrum of Outcomes – มีหลายทางที่อาจเกิดขึ้น แต่ยังพอประเมินได้
  4. Complete Unpredictability – ไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้เลย เช่น การเปลี่ยนแปลงของตลาด

สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ การเข้าใจระดับของความไม่แน่นอน จะช่วยให้เราวางแผนและตัดสินใจได้ดีขึ้น เช่น ถ้าอยู่ในระดับ 3–4 เราอาจต้องใช้วิธี “ทดลอง–เรียนรู้–ปรับตัว” แทนที่จะวางแผนแบบตายตัว


💡 สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้

  • การตัดสินใจที่ดีต้องมี การมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง
  • ต้องรู้จัก ยอมรับความไม่แน่นอน และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสถานการณ์
  • เครื่องมืออย่าง RACI Matrix และการประเมินระดับของ ambiguity ช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ใครที่กำลังทำโปรเจกต์ใหม่ หรือรู้สึกว่างานที่ทำอยู่มีความไม่แน่นอนสูง ลองนำแนวคิดเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ แล้วคุณจะรู้ว่า “การตัดสินใจที่ดี” ไม่ได้อยู่ที่ใครเก่งที่สุด แต่อยู่ที่ใคร ฟังให้ครบ คิดให้รอบ และยืดหยุ่นได้มากที่สุด 


สองหัวข้อที่กล่าวถึงในบทความนี้ — Involving Stakeholders in Decisions และ Accepting Ambiguity — เป็นส่วนหนึ่งของคอร์สเต็มชื่อ “Decision-Making Strategies”
ผู้บรรยายคือ Mike Figliuolo, Founder and Managing Director ของ thoughtLEADERS, LLC

ไปตามเรียนรู้กันได้😊😊


อ่านบทความอื่นๆ แวะมาหาได้ที่ 💼 >> ไปที่หน้ารวมบทความ

All time Popular Post