วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2568

เทคนิคการดูแลตัวเองเมื่อเจอแรงกดดัน

 เทคนิคการดูแลตัวเองเมื่อเจอแรงกดดัน

ซีรีส์: พัฒนาตนเองเพื่อการทำงานอย่างมืออาชีพ

แรงกดดันในที่ทำงานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะมาจากเป้าหมายที่ท้าทาย ความคาดหวังจากผู้บริหาร หรือความขัดแย้งในทีม หากเราไม่รู้จักดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม แรงกดดันเหล่านี้อาจส่งผลต่อสุขภาพกายใจ และประสิทธิภาพในการทำงาน บทความนี้จึงขอเสนอเทคนิคง่าย ๆ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพื่อดูแลตัวเองให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์

 

เทคนิคการดูแลตัวเองเมื่อเจอแรงกดดัน

1. ตั้งสติและหายใจลึก ๆ

การหายใจอย่างมีสติช่วยให้สมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น ลดความเครียด และช่วยให้คิดได้ชัดเจนขึ้น ลองใช้เทคนิค “4-7-8” คือ หายใจเข้า 4 วินาที กลั้นหายใจ 7 วินาที และหายใจออก 8 วินาที

2. แยกแยะสิ่งที่ควบคุมได้และไม่ได้

การพยายามควบคุมทุกอย่างจะยิ่งเพิ่มความเครียด ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า “สิ่งนี้อยู่ในความควบคุมของฉันหรือไม่?” แล้วโฟกัสกับสิ่งที่เราจัดการได้

3. พักเบรกอย่างมีคุณภาพ

การพักไม่ใช่การหนีปัญหา แต่คือการเติมพลังให้ตัวเอง เช่น เดินเล่นสั้น ๆ ฟังเพลงโปรด หรือจิบกาแฟเงียบ ๆ สัก 5 นาที ก็ช่วยให้กลับมามีสมาธิได้

4. เขียนระบายความรู้สึก

การเขียนช่วยให้เราเข้าใจอารมณ์ของตัวเองมากขึ้น และลดความเครียดได้ดี ลองเขียนสิ่งที่รู้สึก หรือสิ่งที่ขอบคุณในแต่ละวัน

5. ขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น

การขอความช่วยเหลือไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือการรู้จักดูแลตัวเองอย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษาเพื่อนร่วมงาน หรือพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ

 

ตัวอย่างสถานการณ์

เมื่อเจอเดดไลน์ที่กระชั้นชิด ลองหยุดสั้น ๆ เพื่อจัดลำดับความสำคัญใหม่ และบอกกับตัวเองว่า “ฉันจะทำให้ดีที่สุดในเวลาที่มี” แทนที่จะจมอยู่กับความเครียด

สรุป

การดูแลตัวเองเมื่อเจอแรงกดดันไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่คือพื้นฐานของการทำงานอย่างมืออาชีพ เพราะเมื่อเราดูแลตัวเองได้ดี เราก็จะมีพลังในการดูแลงานและคนรอบข้างได้ดีเช่นกัน


Read More อ่านบทความอื่นๆต่อ 💼 >> ไปที่หน้ารวมบทความ

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2568

จัดพอร์ตลงทุนเล็ก ๆ สำหรับมนุษย์เงินเดือนสายใจเย็น

EP.10: จัดพอร์ตลงทุนเล็ก ๆ สำหรับมนุษย์เงินเดือนสายใจเย็น

ไม่ใช่ทุกคนที่อยาก “รวยเร็ว” บางคนแค่ต้องการ “มั่นคงในแบบของตัวเอง” ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ใจเย็น ไม่กลัวการรอ และอยากลงทุนแบบเบา ๆ บทความนี้เหมาะกับคุณค่ะ

📌 เป้าหมายของพอร์ตเล็ก ๆ สำหรับสายใจเย็น

  • ไม่เสี่ยงสูง
  • เงินต้นค่อย ๆ โต
  • เหมาะกับคนไม่มีเวลาเฝ้าตลาด
  • เข้าใจได้ง่าย ทำซ้ำได้ทุกเดือน

📊 ตัวอย่างพอร์ตสำหรับงบเดือนละ 1,000 บาท*

หมวดลงทุน สัดส่วน จำนวนเงิน วัตถุประสงค์
Gold Wallet 40% 400 บาท สะสมทองระยะยาว
กองทุนรวมตลาดเงิน 30% 300 บาท เก็บสำรองฉุกเฉินแบบมีดอกเบี้ย
สลากออมสิน/ธ.ก.ส. 20% 200 บาท ลุ้นรางวัลรายเดือน เงินต้นไม่หาย
เงินสดสำรอง 10% 100 บาท ไว้ใช้ในเดือนฉุกเฉิน
*แต่ละแพลทฟอร์มอาจจมีขั้นต่ำในการซื้อ เช่นกองทุนรวมขั้นต่ำ500บาท หากงบยังน้อยให้ทยอยออมแบบหยอดกระปุก เมื่อครบก้อนแรกก็เปิดพอร์ตแล้วทยอยซื้อตามแผน 

💡 แนวคิดของพอร์ตนี้

✅ ไม่เน้นกำไรสูงสุด แต่เน้นความรู้สึก “อุ่นใจ”
✅ สามารถปรับตามงบจริง เช่น เดือนละ 500 ก็แบ่งสัดส่วนแบบเดียวกันได้
✅ เหมาะกับคนที่ยังใหม่กับการลงทุน แต่อยากเริ่มอย่างไม่กดดันตัวเอง

💬 ผู้เขียนเริ่มต้นพอร์ตเล็กแบบนี้จริง ๆ แล้วค่อย ๆ ขยับเพิ่มสัดส่วนที่ชอบขึ้นเมื่อมั่นใจมากขึ้น

🧭 อย่าลืมเป้าหมายของคุณเอง

  • คุณอาจไม่ได้อยาก “รวย” แต่แค่อยาก “ไม่ลำบาก” ในวันข้างหน้า
  • พอร์ตเล็กวันนี้ = วินัยที่ใหญ่ในอนาคต
  • คุณไม่ต้องทำให้เหมือนใคร ขอแค่ “เริ่มในแบบของคุณ” ก็พอ

📝 EP นี้คือบทส่งท้ายของซีรีส์ “มนุษย์เงินเดือนอยากเริ่มลงทุน” ขอบคุณที่เดินทางเรียนรู้มาด้วยกัน หากบทความเหล่านี้ช่วยให้คุณเริ่มลงทุนได้จริง นั่นคือเป้าหมายของผู้เขียนค่ะ 💛

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568

การสื่อสารเชิงบวกในสถานการณ์ตึงเครียด

การสื่อสารเชิงบวกในสถานการณ์ตึงเครียด

หนึ่งในซีรีส์บทความพัฒนาตนเองเพื่อการทำงานอย่างมืออาชีพ

ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด เช่น เมื่อต้องแจ้งข่าวร้ายให้ลูกค้า ประสานงานกับทีมที่มีความเห็นต่าง หรือรับมือกับความผิดพลาดที่ไม่ได้เกิดจากตัวเอง การสื่อสารเชิงบวกคือทักษะสำคัญที่จะช่วยให้คุณผ่านพ้นสถานการณ์นั้นได้อย่างมืออาชีพ และรักษาความสัมพันธ์ไว้ได้อย่างมั่นคง

💬 การสื่อสารเชิงบวกคืออะไร?

การสื่อสารเชิงบวก (Positive Communication) คือการใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง และท่าทีที่สร้างความร่วมมือ ความเข้าใจ และความเคารพ แม้ในสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดหรือความขัดแย้ง

เทคนิคการสื่อสารเชิงบวกในสถานการณ์ตึงเครียด

1. เริ่มต้นด้วยความเข้าใจ

  • แสดงความเข้าใจต่อความรู้สึกหรือความคาดหวังของอีกฝ่าย เช่นเราเข้าใจดีว่าท่านคาดหวังสินค้าที่มีคุณภาพสูง…”

2. ใช้ภาษาที่สุภาพและไม่กล่าวโทษ

  • หลีกเลี่ยงคำว่าคุณผิดหรือไม่ใช่หน้าที่เรา
  • ใช้คำว่าเรากำลังตรวจสอบร่วมกันหรือขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น

3. เสนอแนวทางแก้ไขหรือทางเลือก

  • แม้ยังไม่มีคำตอบสุดท้าย ก็สามารถเสนอขั้นตอนต่อไป เช่นเรากำลังรอการยืนยันจากทีมที่เกี่ยวข้อง และจะประสานงานให้เร็วที่สุด

4. รักษาน้ำเสียงที่มั่นคงและเป็นมิตร

  • แม้จะสื่อสารผ่านอีเมลหรือข้อความ คำที่เลือกใช้สามารถสะท้อนความเป็นมืออาชีพและความใส่ใจได้ เช่นขอบคุณสำหรับความเข้าใจของท่านหรือเรายินดีรับฟังข้อเสนอแนะเพิ่มเติม

5. สื่อสารอย่างต่อเนื่อง

  • อย่าปล่อยให้สถานการณ์เงียบไปนานเกินไป การอัปเดตสถานการณ์แม้เพียงเล็กน้อยจะช่วยลดความกังวลของอีกฝ่ายได้มาก

ตัวอย่างสถานการณ์

คุณได้รับแจ้งจากลูกค้าว่าสินค้าที่จัดส่งจากประเทศต้นทางไปยังประเทศปลายทาง มีอายุคงเหลือไม่ตรงตามที่ตกลงไว้ ลูกค้าไม่พอใจและต้องการส่งคืนสินค้า ในขณะที่ทีมเซลส์ก็รู้สึกเสียหน้าและกดดันจากสถานการณ์นี้ คุณเลือกใช้การสื่อสารเชิงบวกโดยเริ่มจากการแสดงความเข้าใจต่อความคาดหวังของลูกค้า แจ้งสถานการณ์อย่างสุภาพโดยไม่กล่าวโทษใคร และประสานงานกับทีมเซลส์เพื่อหาทางออกร่วมกัน พร้อมเตรียมข้อมูลล่วงหน้าเพื่อรองรับการส่งคืนสินค้าอย่างมืออาชีพ

✨ สรุป

การสื่อสารเชิงบวกไม่ใช่แค่การพูดดี แต่คือการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงภายใต้แรงกดดัน การเลือกใช้คำอย่างมีสติ การฟังอย่างเข้าใจ และการแสดงความรับผิดชอบร่วมกัน คือหัวใจของการเป็นมืออาชีพในทุกสถานการณ์



Read More อ่านบทความอื่นๆต่อ 💼 >> ไปที่หน้ารวมบทความ

วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ลงทุนแล้ว แต่ไม่เห็นผล… เราทำผิดตรงไหน?

EP.9: ลงทุนแล้ว แต่ไม่เห็นผล… เราทำผิดตรงไหน?

คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหม?

💬 “ลงทุนมาหลายเดือนแล้ว แต่ทำไมเงินก็ยังดูไม่โตขึ้นเลย?”

ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณไม่ได้ล้มเหลว และคุณไม่ได้อยู่คนเดียว ความจริงแล้วมีคนอีกมากมายที่รู้สึกแบบเดียวกัน เพราะการลงทุนไม่ใช่เวทมนตร์ แต่คือ “กระบวนการระยะยาว” ที่ต้องอาศัยความเข้าใจ + ความสม่ำเสมอ

🔎 5 เหตุผลที่ทำให้เรา "ยังไม่เห็นผล"

  • 1. ลงทุนไม่นานพอ
    หลายคนเพิ่งเริ่มลงทุนได้ไม่กี่เดือน แต่คาดหวังผลตอบแทนเหมือนฝากประจำ 3 ปี → การลงทุนต้องการ “เวลา” โดยเฉพาะการ DCA กับกองทุน, หุ้น หรือสะสมทอง
  • 2. หวังผลเร็วเกินไป
    ถ้าเราคาดหวัง 10% ต่อปีในเดือนที่ 2 อาจผิดหวัง → ปรับความคาดหวังให้สมจริง คือ “สะสมก่อน ให้ดอกผลทีหลัง”
  • 3. ลงทุนโดยไม่รู้จุดประสงค์
    ซื้อเพราะคนอื่นซื้อ / เห็นเขาบอกว่าดี → ลองตั้งเป้าหมายเล็กๆ ของเราเอง เช่น เก็บทองไว้แต่งงาน หรือมีพอร์ตสะสมเพื่อเรียนรู้
  • 4. ไม่จดบันทึก/ไม่ติดตาม
    ไม่รู้ว่าเราซื้ออะไรบ้าง ซื้อตอนไหน เท่าไหร่ → การลงทุนที่ไม่มีการจด = การเดินทางโดยไม่รู้ทิศ
  • 5. หยุดกลางทาง
    พอไม่เห็นผลใน 2–3 เดือน ก็หยุด DCA ทันที → เหมือนคุณวิ่งได้ครึ่งทางแล้วหันหลังกลับ ทั้งที่เส้นชัยอยู่ข้างหน้า

💛 อย่าท้อ… เพราะคุณเริ่มแล้ว นั่นแหละคือชัยชนะแรก

แค่คุณเริ่มลงทุน เท่ากับคุณได้ก้าวล้ำหน้าตัวคุณในอดีตไปแล้วหนึ่งก้าว ไม่มีใครลงทุนได้สมบูรณ์ตั้งแต่เดือนแรก สิ่งสำคัญคือ “ทำต่อไป” และ “ปรับตามจริง” เมื่อเข้าใจมากขึ้น

🌱 การลงทุนเหมือนการปลูกต้นไม้ — วันนี้อาจยังไม่งอก แต่รากกำลังโตเงียบ ๆ ใต้ดิน

📌 ถ้าอยากเริ่มต้นใหม่แบบไม่กดดันตัวเอง

  • ย้อนอ่าน EP1–EP8 เพื่อทบทวนแนวทางที่เหมาะกับตัวเอง
  • ตั้งเป้าใหม่เล็กลง เช่น เดือนละ 500 บาทก็พอ
  • จดบันทึกใน Google Sheet / สมุด หรือ Notion
  • อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองด้วยนะ!

📝 ผู้เขียนเองก็เคย DCA ไป 3 เดือนแล้วหยุด จนวันหนึ่งกลับมาอ่านเป้าหมายของตัวเองอีกครั้ง… แล้วก็เริ่มใหม่ด้วยความมั่นใจ

วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2568

วิธีตั้งสติและจัดลำดับความสำคัญในการทำงาน

 

วิธีตั้งสติและจัดลำดับความสำคัญ

ในโลกการทำงานที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความคาดหวังจากหลายฝ่าย การตั้งสติและจัดลำดับความสำคัญจึงเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้เรารับมือกับงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่หลงทาง และไม่รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเร่งด่วนไปหมดจนทำให้เบลอหรือเครียดเกินไป

ทำไมการตั้งสติจึงสำคัญ

การตั้งสติช่วยให้เราหยุดคิดก่อนลงมือทำ ลดความผิดพลาดจากการตัดสินใจด้วยอารมณ์ และทำให้เรามองเห็นภาพรวมของสถานการณ์ได้ชัดเจนขึ้น เมื่อมีสติ เราจะสามารถเลือกวิธีรับมือกับปัญหาได้อย่างเหมาะสม ไม่ตื่นตระหนก และไม่หลงไปกับแรงกดดันรอบตัว

เทคนิคการตั้งสติในสถานการณ์ตึงเครียด

- หายใจเข้าออกลึก ๆ ช้า ๆ อย่างน้อย 3 รอบ
- หยุดคิดสักครู่ แล้วถามตัวเองว่า “สิ่งนี้สำคัญจริงไหม?”
- เขียนสิ่งที่อยู่ในหัวลงกระดาษ เพื่อเคลียร์ความคิด
- เดินออกจากโต๊ะสัก 5 นาที เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

วิธีจัดลำดับความสำคัญ

การจัดลำดับความสำคัญช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีระบบ ไม่หลงไปกับงานจุกจิก และสามารถโฟกัสกับสิ่งที่มีผลกระทบมากที่สุดได้ เทคนิคที่นิยมใช้คือ Eisenhower Matrix ซึ่งแบ่งงานออกเป็น 4 ประเภท:
1. สำคัญและเร่งด่วน – ทำทันที
2. สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน – วางแผนทำ
3. ไม่สำคัญแต่เร่งด่วน – มอบหมายให้คนอื่น
4. ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน – ตัดออก

ตัวอย่างการนำไปใช้จริง

เช่น หากคุณได้รับอีเมลจากลูกค้าที่ไม่พอใจเรื่องสินค้า ให้ตั้งสติก่อนตอบกลับ โดยอ่านเนื้อหาให้ครบทุกบรรทัด หายใจลึก ๆ แล้วจึงร่างคำตอบอย่างมืออาชีพ จากนั้นจัดลำดับงานที่ต้องทำ เช่น ประสานงานกับทีมที่เกี่ยวข้องก่อน แล้วจึงตอบกลับลูกค้าอย่างมั่นใจ

สรุป

การตั้งสติและจัดลำดับความสำคัญเป็นทักษะที่ฝึกได้ และจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่งานล้นมือ หรือเผชิญกับแรงกดดันจากหลายฝ่าย หากเรารู้จักหยุดคิดและเลือกทำสิ่งที่สำคัญก่อน เราจะสามารถผ่านทุกความท้าทายไปได้อย่างมั่นใจ


Read More อ่านบทความอื่นๆต่อ 💼 >> ไปที่หน้ารวมบทความ

ซื้อทองสะสมระยะยาว ควรเก็บแบบไหนดี? ทองจริง, Gold Wallet, หรือกองทุน


EP.8: ซื้อทองสะสมระยะยาว ควรเก็บแบบไหนดี? ทองจริง, Gold Wallet, หรือกองทุนทอง?

ถ้าคุณตั้งใจจะซื้อทองเพื่อ เก็บสะสมระยะยาว คำถามต่อมาคือ… ควรเก็บทองแบบไหนดี? ระหว่าง:

  • 💰 ทองคำแท่งจริง (แบบจับต้องได้)
  • 📱 Gold Wallet (ทองดิจิทัล)
  • 📈 กองทุนทอง (ซื้อทองผ่านตลาดทุน)

มาดูกันค่ะว่าแต่ละแบบมีข้อดี–ข้อควรระวังอย่างไร

📊 ตารางเปรียบเทียบ: ทองจริง vs Gold Wallet vs กองทุนทอง

หัวข้อ ทองจริง Gold Wallet กองทุนทอง
ของอยู่กับตัว
ปลอดภัยจากการโจรกรรม
ค่ากำเหน็จ มี ไม่มี ไม่มี
สามารถซื้อทีละน้อย ได้ (แต่ราคาสูง)
ขายคืนง่าย ปานกลาง
(ขึ้นกับร้านทอง)

(ขายในแอปได้ทันที)

(ขายผ่านแอปลงทุน)
ได้ทองจริง
(ขอรับทองได้ตามเงื่อนไข)

🎯 แล้วมือใหม่ควรเลือกแบบไหนดี?

  • ✅ Gold Wallet เหมาะกับคนงบน้อย อยากสะสมระยะยาว และไม่อยากถือทองจริง
  • ✅ กองทุนทอง เหมาะกับคนที่อยากลงทุนผ่านแอปธนาคาร, DCA ง่าย และซื้อขายคล่อง
  • ✅ ทองจริง เหมาะกับคนที่อยาก “เห็นทอง” และไม่กลัวเรื่องค่ากำเหน็จหรือความยุ่งยาก
💬 ผู้เขียนเองเริ่มจาก Gold Wallet เพราะไม่มีทองให้ถือ แต่มีทองให้ขาย และทยอยเปลี่ยนเป็นทองจริงเมื่อมีทุนมากขึ้น อีกช่องทางคือกองทุนรวมทองแบบมีปันผลทยอยซื้อเก็บหากกองทุนดีก็ได้ปันผลพอเป็นค่าขนมนิดหน่อย

📌 ข้อมูลเปรียบเทียบนี้มาจากประสบการณ์ผู้เขียน, แหล่งข่าวทองคำ, และข้อมูลบนแอปเป๋าตัง / บลจ.ชั้นนำ

All time Popular Post